Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

เบียร์

 Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

Oktoberfest เทศกาลพื้นบ้านของชาวบาวาเรียนที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน เทศกาลการดื่มเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมสไตล์บาวาเรียนทั้งการแต่งกาย อาหารและเครื่องเล่นต่างๆ มากมาย จึงเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทุกเพศทุกวัย

อ็อกโทเบอร์เฟสต์

oktoberfest

เป็นเทศกาลประจำปี จัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี จัดขึ้นปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ถือเป็น 1 ในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนีและเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลก กับผู้เข้าร่วมเทศกาล 6 ล้านคนทุกปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของบาเยิร์น เทศกาลดั้งเดิมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรซ

เทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ จัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน จนถึงในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ในปี ค.ศ. 1994 มีการปรับเปลี่ยนเวลาหลังการรวมตัวของเยอรมนีตะวันตก-ออก ว่าถ้าวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ตกที่วันที่ 1 หรือ 2 เทศกาลจะไปต่อถึงวันที่ 3 ตุลาคม (วันรวมประเทศ) ทำให้มีจำนวนวัน 17 วัน หากวันอาทิตย์เป็นวันที่ 2 และเป็น 18 วันหากวันอาทิตย์เป็นวันที่ 1 เทศกาลจัดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า Theresienwiese หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Wiesn

จุดเริ่มต้นของ Oktoberfest เดิมเป็นการแข่งขันม้า

history oktoberfest

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าที่มาของเทศกาลดื่มเบียร์นี้มากจากการที่ Andreas Michael Dall’Armi สมาชิกของ Bavarian National Guard มีความคิดที่จะเฉลิมฉลองงานแต่งงานของเจ้าชาย Ludwig แห่งบาวาเรีย ซึ่งต่อมาคือ King Ludwig I และ Princess Therese of Saxony-Hildburghausen ให้มีความแตกต่างไปจากเดิม โดยให้มีการแข่งม้าครั้งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลอง

เมื่อ King Max I Joseph of Bavaria พระบิดาของเจ้าชายได้ฟังไอเดียนี้ ก็ทรงเห็นด้วยและอนุญาตให้จัดงานขึ้นจนทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยมีงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม เมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว ที่ทุ่ง Theresienwiese ซึ่งภายหลังได้รับการตั้งชื่อตามเจ้าสาว และถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่มีเต็นท์เบียร์หรือเครื่องเล่นมากมายอย่างปัจจุบัน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาล

โดย ในปี ค.ศ. 1824 เมืองมิวนิกได้มอบรางวัลเหรียญทองให้กับ Andreas Michael Dall’Armi เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อกำเนิด Oktoberfest ต่อมาเมื่อ Andreas Michael Dall’Armi ได้จากโลกนี้ไป เขาถูกฝังไว้ที่สุสาน Alter Südfriedhof และถนนแห่งหนึ่งในย่าน Neuhausen-Nymphenburg ซึ่งต่อมาได้รับการตั้งชื่อตามชื่อของเขาอีกด้วย

หนึ่งปีหลังจากการเฉลิมฉลองงานแต่งงานของเจ้าชาย ชาวเมืองต่างเห็นพ้องต้องกันว่าต้องการให้งานนี้ดำเนินต่อไปแม้จะไม่ได้มีพิธีเสกสมรสก็ตาม และในที่สุด ‘Landwirtschaftlicher Verein in Bayern’ หรือสมาคมเกษตรกรรมแห่งบาวาเรียก็ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพผู้จัดงานเทศกาลนี้ โดยพวกเขาได้ใช้เทศกาลเป็นที่โปรโมทสินค้าของสมาคม

ในปี 1813 เทศกาล Oktoberfest ที่เพิ่งจัดขึ้นได้ 13 ปี ต้องถูกยกเลิกเป็นครั้งแรกเนื่องจากสงครามนโปเลียน แต่หลังสงคราม Oktoberfest ได้กลับมาจัดอีกครั้ง โดยมีกลุ่มคนเก่าแก่ในเมืองเป็นผู้สนับสนุน ทำให้เทศกาลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 1819 เรียกได้ว่า ดังเป็นพลุแตกในปี 1819

ต่อมาในปี ค.ศ. 1850 ได้มีการเปิดตัวรูปปั้นบาวาเรีย ซึ่งเป็นดังผู้พิทักษ์รักษาและปกป้องคุ้มครองเทศกาล Oktoberfest โดยได้ประดิษฐานไว้ในหอเกียรติยศซึ่งใช้เป็นที่จัดการแสดงต่างๆ ของเทศกาลในปัจจุบัน นับจากนั้นประวัติศาสตร์ของบาวาเรียได้ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของสงครามและโรคระบาด เช่น อหิวาตกโรค ทำให้จิตวิญญาณแห่งเทศกาลได้ลดน้อยถอยลงไป เป็นเวลาอีกสองสามทศวรรษก่อนที่ Oktoberfest จะก้าวมาเป็นเทศกาลที่มีสีสันและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในปี 1910 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของเทศกาล Oktoberfest ได้มีการเสริฟเบียร์ 12,000 เฮกโตลิตรที่ Pschorr-Bräurosl ซึ่งเป็นเต็นท์สำหรับเทศกาลขนาดใหญ่ที่จุคนได้มากถึง 12,000 คน

ความสนุกอยู่ที่ตอนเริ่มงาน ‘O’ Zapft is’ = Let’s the party begins

ozapftis

ในส่วนของการเริ่มต้นงานหรือพิธีการในการเปิดงานเทศกาล Oktoberfest ที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1950 โดยนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก Thomas Wimmer ได้ทำพิธีเปิดเทศกาลนี้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องหยุดไปเนื่องจากภาวะสงคราม โดยการใช้ค้อนไม้ขนาดใหญ่เคาะก๊อกเข้าไปที่ถังเบียร์ถังแรกในเต็นท์ Schottenhamel

เมื่อก๊อกสามารถแทรกตัวฝังเข้าไปในถังเบียร์ได้ จะมีการตะโกนว่า  “O’ Zapft is” ซึ่งเป็นภาษาบาวาเรียมาจากคำเต็มว่า “Es ist angezapft” โดยมีความหมายตามตัวอักษรคือ “มันได้รับการเคาะแล้ว” หากความหมายที่แท้จริงที่ใช้ในงานเทศกาล Oktoberfest คือ “ได้เวลาปาร์ตี้แล้ว!” ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของเทศกาลพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา

ซึ่งโดยประเพณีแล้วนายกเทศมนตรีจะมอบเบียร์แก้วแรกที่ไขจากก๊อกที่ถูกทุบเข้าไปในถังเบียร์ ให้กับรัฐมนตรี-ประธานาธิบดีแห่งบาวาเรีย (Ministers-President of Bavaria) จากนั้นดอกไม้ไฟก็ถูกจุด และผู้ร่วมงานก็จะยกแก้วขึ้นชนกันแล้วพูดว่า “Auf ‘ne friedliche Wiesn”  ซึ่งหมายถึง ‘แด่เทศกาล Oktoberfest ที่สงบสุข’ นั่นเอง

ในปัจจุบันนี้ Oktoberfest เป็นเทศกาลพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีผู้เข้าชมประมาณหกล้านคนต่อปี ในแต่ละปี ยังคงมีการทำลายสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปริมาณเบียร์ที่บริโภคไปจนถึงจำนวนไก่ที่ขายได้ในงาน

ในปี ค.ศ. 2005 ได้มีการปรับรูปแบบให้เป็น ‘เทศกาล Oktoberfest อันเงียบสงบ’ (‘a quiet Oktoberfest’) เพื่อทำให้เทศกาลนี้มีความเหมาะสมและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกทั้งครอบครัว โดยให้สามารถเปิดเพลงปาร์ตี้ได้เฉพาะหลังเวลา 18.00 น. เท่านั้น ส่วนช่วงก่อนหน้า 18.00 น ให้เล่นได้เฉพาะเพลงจากวงดนตรีบาวาเรียที่มีลักษณ์เป็นวงเครื่องเป่าทองเหลืองเท่านั้น

5 สิ่งที่จะได้สัมผัสเมื่อเดินทางไปร่วมงาน Oktoberfest

1.) ขบวนพาเหรดของแลนด์ลอร์ดและโรงเบียร์

ขบวนพาเหรดประกอบด้วยผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 ประกอบด้วยแลนด์ลอร์ดและโรงเบียร์ใน Wiesn โดยจะเริ่มเดินจาก Theresienwiese นำโดย กลุ่มเยาวชนของมิวนิก (Münchner Kindl) มาสคอตประจำเมืองและขบวนรถม้าของนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก ตามด้วยรถม้าที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ของแลนด์ลอร์ด วงดนตรี และรถลากของโรงเบียร์ในมิวนิกที่ประดับประดาอย่างสวยงาม

2.) Tapping Ceremony ประเพณีการเคาะถังเบียร์

ตามประเพณีที่มีมายาวนาน ถังเบียร์ถังแรกจะถูกเคาะที่เต็นท์ของ Schottenhamel เสมอ โดย นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิกจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการเคาะก๊อกโดยฆ้อนไม้ขนาดใหญ่เข้าไปในถังเบียร์โดยทุบให้ได้น้อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้

สถิติปัจจุบันสำหรับพิธีเคาะก๊อกที่ดีที่สุดคือ สองครั้ง โดยอดีตนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก Christian Ude และ Dieter Reiter สำหรับสถิติสูงสุดเป็นของ Mayor Thomas Wimmer ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีที่เป็นผู้ริเริ่มพิธีการนี้เป็นคนแรกในปี 1950 เคาะไปทั้งสิ้น 17 ครั้ง ภายหลังพิธีเคาะถังเบียร์ จะมีการจุดพลุ และเบียร์ก็จะเริ่มถูกรินแจกจ่ายไปให้ผู้เข้าร่วมงานในแต่ละเต็นท์

3.) การแสดงสดคอนเสริตแตรวงโยธวาทิต

นักดนตรีประมาณ 300 คนแต่งชุดประจำชาติในแบบบาวาเรียเต็มยศ มาร่วมแสดงการสดที่บริเวณรูปปั้นบาวาเรีย โดยมีนายกเทศมนตรีเป็นวาทยากรของวงที่คัดเลือกเล่นบทเพลงบาวาเรียที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญจากคณะนาฏศิลป์ Schuhplattler เป็นต้น และมีการปล่อยลูกโป่งหลากสีสันจำนวนนับพันลูกขึ้นสู่ท้องฟ้าต่อหน้ารูปปั้นบาวาเรีย ในขณะที่ผู้ชมร่วมกันร้องเพลงประจำชาติของบาวาเรียจนสุดเสียง

4). เต็นท์เบียร์

เต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ภายในงานมีหลากหลายรูปแบบต่างกันไปตามการตกแต่ง ซึ่งแต่ละเต็นท์จะมีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง จากแบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบนานาชาติให้ผู้ร่วมงานเลือกได้ตามอัธยาศัย เต็นท์ที่มักเป็นที่นิยม ได้แก่

  • Augustiner Festhalle เป็นเต็นท์ที่เหมาะสำหรับผู้ร่วมงานที่มาเป็นครอบครัวภายใต้บรรยากาศเก่าแก่ดั้งเดิม และบริกรที่เอาใจใส่เป็นพิเศษ เบียร์ Augustiner มาจากโรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในมิวนิกซึ่งก่อตั้งโดยพระออกัสติเนียนในปี 1328 โรงเบียร์แห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีเบียร์ไลท์ (Helles) ที่มีรสชาติดีที่สุดในมิวนิก เป็นที่นิยมมาก เพราะถูกบรรจุในถังไม้แบบดั้งเดิมที่มีความจุ 200 ลิตร ซึ่งจะทำให้มีรสชาติกลมกล่อมกว่าเบียร์ที่บรรจุอยู่ในภาชนะที่เป็นโลหะ
  • Festzelt Tradition หรือ The “Oide Wiesn” เป็นเต๊นท์ที่เน้นวัฒนธรรมประเพณี แม้จะมีสีสันน้อยกว่าเต็นท์อื่น แต่ที่นี่มีบรรยากาศสบาย ๆ และเป็นกันเองราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน จุดเด่นของเต็นท์ คือ ฟลอร์เต้นรำที่ยกสูงตั้งอยู่กลางเต็นท์ โดยจะมีกลุ่มนักเต้นพื้นเมืองเต้นรำไปพร้อมกับการบรรเลงเพลงจากวงเครื่องเป่า และจะมีเด็ก ๆ เป็นแขกพิเศษขึ้นไปเต้นรำด้วยอย่างสนุกสนาน ไฮไลท์ของการแสดง คือ วง Schuhplattler และนักหวดแส้ ที่นำศิลปะการหวดแส้มาผสมผสานเข้ากับการแสดงได้เป็นอย่างดี สุดเด่นอีกอย่าง คือ เบียร์ Augustiner จะถูกเสริฟโดยเหยือกหินสีเทาอ่อนที่ตกแต่งเป็นลวดลายต่างๆ สีน้ำเงิน แตกต่างจากภาชนะที่เต็นท์อื่นๆใช้ เพื่อคงความดั้งเดิมไว้ และยังมีน้ำ apple spritzer ที่แสนอร่อยไว้เสริฟเด็กๆ เวลาที่เต้นกันจนเหนื่อยอีกด้วย
  • Fischer–Vroni  จุดเด่นของเต็นท์นี้คือ Fish on Stick แบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านรสชาติความอร่อยของปลารมควันที่เรียกว่า Steckerlfisch ลักษณะ คล้ายปลาเสียบไม้ โดยจะใช้ปลาหลักๆ สองประเภท คือ ปลาแมคเคอเรล และปลาเทราท์ภูเขา ปลาจะถูกจัดเตรียมบนเตาย่างแบบเปิดที่มีความยาวรวมประมาณ 15 เมตร ให้ผู้มาเยือนได้เห็นวิธีทำกันสดๆ  และยังเสริฟเบียร์ Augustiner จากถังไม้ด้วย เต็นท์นี้ยังได้รับความนิยมให้เป็นที่นัดพบของชาวบาวาเรีย LGBTQ จนเป็นประเพณีเนื่องจากในอดีตเจ้าของบาร์ Prosecco ซึ่งเป็นเกย์ผู้ล่วงลับไปแล้วมักจะจองโต๊ะไว้จำนวนมากสำหรับแขกของเขาทุกปี
  • Hacker–Festzelt เต็นท์นี้ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรงดงามราวกับ “สวรรค์แห่งบาวาเรีย” Hacker-Festzelt มักจะเป็นหนึ่งในเต็นท์ที่เต็มก่อนใครเพราะความสวยงามอย่างน่าตื่นตาตื่นใจภายในมีคานไม้ขนาดใหญ่ของโครงสร้างหลังคาใน Hacker Festzelt ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีฟ้าอ่อนโปร่งแสงจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ใต้ท้องฟ้าสีครามสลับกับปุยเมฆสีขาวซึ่งไม่เหมือนที่เต็นท์อื่น ที่พิเศษสุดคือในวันอาทิตย์สุดท้ายของงานเต็นท์จะถูกประดับประดาไปด้วยดวงไฟที่เปล่งประกายระยิบระยับ โดยผู้ร่วมเต็นท์จะถือดอกไม้ไฟเย็นเป็นการสั่งลาก่อนจะกลับมาพบกันใหม่ในปีหน้า

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเต็นท์เบียร์ภายในงานซึ่งมีกว่า 30 หลัง ในจำนวนนี้มีอยู่ 15 หลัง ที่เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่า 3,000-10,000 คน สิ่งสำคัญคือสำหรับเต็นท์ที่ได้รับความนิยมสูง ควรจองโต๊ะล่วงหน้า 6-12 เดือน ดังนั้นจึงควรศึกษาหาข้อมูลของเต็นท์ที่ตรงกับความชอบและรสนิยม

5.) Carnival Games Area

carnival games area

บริเวณทางฝั่งตะวันออกและทางใต้สุดของพื้นที่งานจะเต็มไปด้วยเครื่องเล่นขนาดใหญ่ราว 130 เครื่องเล่น  บูธเกมส์ ชิงช้าสวรรค์ การแสดงรื่นเริง แผงขายอาหารเครื่องดื่ม และเครื่องเล่นที่โด่งดังคือ Teufelsrad (Devil’s Wheel) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1908 ลักษณะเป้นเครื่องเล่นที่ผู้เข้าร่วมนั่งตรงกลางวงล้อหมุนเพื่อแข่งกันให้อยู่บนนั้นได้เป็นคนสุดท้ายในขณะที่ล้อหมุนเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องและคนเล่นที่จะถูกแรงเหวี่ยงหลุดออกไปจากวงล้อทีละคน

เครื่องเล่นที่มักได้รับความนิยมที่สุด คือ รถไฟเหาะขนาดใหญ่ ที่ทำเป็นรูป 5 ห่วงขนาดใหญ่เพื่อจำลองสัญลักษณ์ Olympic Rings ในขณะที่เมืองมิวนิกจัดการแข่งขันโอลิมปิคในปี 1972 นั่นเอง

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.patourlogy.com

https://th.wikipedia.org

https://www.bbc.com

4 เหตุผลที่ไวน์บนเครื่องบินมีรสชาติแย่ลง

4 เหตุผลที่ไวน์บนเครื่องบินมีรสชาติแย่ลง

4 เหตุผลที่ไวน์บนเครื่องบินมีรสชาติแย่ลง สารบัญWine ชนิดเดียวกัน แบบเดียวกัน Aero Corner สภาพอากาศที่แห้ง เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกต้อง อากาศบนเครื่องบินนั้นแห้งกว่าอากาศบนพื้นเป็นอย่างมาก ซึ่งสภาพอากาศที่แห้งส่งผลต่อความสามารถในการรับรสและกลิ่นของร่างกายมนุษย์...

10 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับแอลกอฮอล์

10 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับแอลกอฮอล์

10 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ สารบัญ10 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับแอลกอฮอล์สิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับแอลกอฮอล์Myth: การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เซลล์สมองถูกทำลายMyth: การดื่มเพียงเล็กน้อยก่อนนอนจะช่วยให้หลับดีขึ้นMyth: เบียร์เป็นสาเหตุของพุงเบียร์Myth:...

ไลท์เบียร์ดื่มแล้วไม่อ้วนรู้หรือยัง

ไลท์เบียร์ดื่มแล้วไม่อ้วนรู้หรือยัง

ไลท์เบียร์ดื่มแล้วไม่อ้วนรู้หรือยัง สารบัญไลท์เบียร์ดื่มแล้วไม่อ้วนรู้หรือยังLight beer สำหรับคนกลัวอ้วนดื่มเบียร์อย่างไรไม่ให้อ้วน แค่เลือกดื่ม Light BeerLight Beer เหมาะกับคนที่กำลังคุมน้ำหนักหรือมือใหม่หัดดื่มเบียร์ไลท์เบียร์กับเบียร์ธรรมดาแผนภูมิเปรียบเทียบ...

10 ประโยชน์ของเบียร์ ที่คุณอาจไม่รู้

10 ประโยชน์ของเบียร์ ที่คุณอาจไม่รู้

10 ประโยชน์ของเบียร์ ที่คุณอาจไม่รู้ สารบัญ10 ประโยชน์ของเบียร์ ที่คุณอาจไม่รู้ประโยชน์ของ เบียร์ช่วยต้านมะเร็งลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงช่วยป้องกันโรคโลหิตจางป้องกันโรคความดันโลหิตสูงเบียร์...

อิทธิพลของสภาพอากาศต่อไวน์คืออะไร

อิทธิพลของสภาพอากาศต่อไวน์คืออะไร

อิทธิพลของสภาพอากาศต่อไวน์คืออะไรอากาศ และอุณหภูมิ มีผลมากที่สุดในการเจริญเติบโตและสุกงอมขององุ่น จึงมีผลสำคัญกับรสชาติ และรสสัมผัสของไวน์ทุกชนิด นักเดื่มไวน์บางคนแค่ดื่มไวน์ก็รู้ไปถึงสภาพอากาศที่องุ่นเติบโตขึ้นมาได้เลยว่า องุ่นส่วนใหญ่โตได้ดีในอุณหภูมิช่วงไหน...

ไวน์เสีย มีวิธีดูอย่างไร

ไวน์เสีย มีวิธีดูอย่างไร

ไวน์เสีย มีวิธีดูอย่างไรทุกคนเคยรู้สึกไม่กล้ากินไวน์ที่มีเพราะไม่มั่นใจในคุณภาพ เพราะกลัว “ไวน์เสีย” ไหมครับ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคุณไม่รู้ว่าจะต้องสังเกตุไวน์ยังไง1. ไวน์สีออกน้ำตาลจนเกินไปปกติเเล้วเมื่อไวน์โดนอากาศ สีไวน์จะมีสีน้ำตาลมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเลยคือไวน์เเดง...

ซอมเมอลิเยร์ เปลี่ยนการดื่มไวน์ให้เป็นอาชีพ

ซอมเมอลิเยร์ เปลี่ยนการดื่มไวน์ให้เป็นอาชีพ

ซอมเมอลิเยร์ เปลี่ยนการดื่มไวน์ให้เป็นอาชีพมื้ออาหารแต่ละมื้อ คงจะใกล้เคียงความเพอร์เฟ็กต์ไม่น้อย ถ้าเรื่องราวเหล่านั้นถูกเล่าออกมาได้อย่างเป็นอรรถรส ซึ่งในโลกความจริง มีอาชีพที่รับบทบทนี้อยู่ คือ ‘ซอมเมอลิเยร์’ จึงน่าสนใจมากๆ ว่า อาชีพนี้คืออะไร...

สิ่งที่คุณทำให้ไวน์หมดอร่อยโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่คุณทำให้ไวน์หมดอร่อยโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่คุณทำให้ไวน์หมดอร่อยโดยไม่รู้ตัวอุณหภูมิห้องของคนในไอซ์แลนด์ช่วงฤดูหนาว กับคนในกรุงเทพฯ กลางเดือนเมษายน แน่นอนว่าไม่ใช่อุณหภูมิเดียวกันเสียเมื่อไร ดังนั้นคำว่า ‘เสิร์ฟไวน์ตามอุณหภูมิห้อง’ จึงไม่ถูกเสมอไป เมื่อเปิดขวดไวน์ อย่าเพิ่งรินใส่แก้วโดยทันที...

เรื่องไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับไวน์โรเซ่ที่คุณไม่รู้

เรื่องไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับไวน์โรเซ่ที่คุณไม่รู้

เรื่องไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับไวน์โรเซ่ที่คุณไม่รู้โรเซ่ ไวน์สีชมพูสวยที่หลายคนมักจะคิดว่าเป็นไวน์รองจากไวน์แดงและไวน์ขาว แต่หากไม่มีไวน์โรเซ่ ก็อาจไม่มีไวน์ชนิดอื่นๆ เลย! เพราะนอกจากจะเป็นรูปแบบไวน์ที่เก่าแก่ที่สุด ยังเป็นไวน์ที่ทำให้เกิดการโต้แย้งกันสูงที่สุด...

วิธีเปิดขวดไวน์แบบไม่ต้องง้อที่เปิด

วิธีเปิดขวดไวน์แบบไม่ต้องง้อที่เปิด

วิธีเปิดขวดไวน์แบบไม่ต้องง้อที่เปิดแนะนำวิธีเปิดขวดไวน์ง่ายๆ สุดครีเอทีฟด้วยอุปกรณ์ใกล้ตัวที่ทำให้สวรรค์บนน้ำไวน์ไม่มีล่ม ทั้งการใช้ค้อน กรรไกร หรือกุญแจบ้าน ใครว่าเราต้องพึ่งที่เปิดขวดเสมอไป เราขอเถียงค้อนและตะปู มองหาเครื่องมือใกล้ตัวเสียหน่อย...

No Results Found

The page you requested could not be found. Try refining your search, or use the navigation above to locate the post.