Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

เบียร์

 Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก

Oktoberfest เทศกาลพื้นบ้านของชาวบาวาเรียนที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน เทศกาลการดื่มเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมสไตล์บาวาเรียนทั้งการแต่งกาย อาหารและเครื่องเล่นต่างๆ มากมาย จึงเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทุกเพศทุกวัย

อ็อกโทเบอร์เฟสต์

oktoberfest

เป็นเทศกาลประจำปี จัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี จัดขึ้นปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ถือเป็น 1 ในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนีและเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลก กับผู้เข้าร่วมเทศกาล 6 ล้านคนทุกปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของบาเยิร์น เทศกาลดั้งเดิมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรซ

เทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ จัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน จนถึงในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ในปี ค.ศ. 1994 มีการปรับเปลี่ยนเวลาหลังการรวมตัวของเยอรมนีตะวันตก-ออก ว่าถ้าวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ตกที่วันที่ 1 หรือ 2 เทศกาลจะไปต่อถึงวันที่ 3 ตุลาคม (วันรวมประเทศ) ทำให้มีจำนวนวัน 17 วัน หากวันอาทิตย์เป็นวันที่ 2 และเป็น 18 วันหากวันอาทิตย์เป็นวันที่ 1 เทศกาลจัดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า Theresienwiese หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Wiesn

จุดเริ่มต้นของ Oktoberfest เดิมเป็นการแข่งขันม้า

history oktoberfest

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าที่มาของเทศกาลดื่มเบียร์นี้มากจากการที่ Andreas Michael Dall’Armi สมาชิกของ Bavarian National Guard มีความคิดที่จะเฉลิมฉลองงานแต่งงานของเจ้าชาย Ludwig แห่งบาวาเรีย ซึ่งต่อมาคือ King Ludwig I และ Princess Therese of Saxony-Hildburghausen ให้มีความแตกต่างไปจากเดิม โดยให้มีการแข่งม้าครั้งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลอง

เมื่อ King Max I Joseph of Bavaria พระบิดาของเจ้าชายได้ฟังไอเดียนี้ ก็ทรงเห็นด้วยและอนุญาตให้จัดงานขึ้นจนทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยมีงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม เมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว ที่ทุ่ง Theresienwiese ซึ่งภายหลังได้รับการตั้งชื่อตามเจ้าสาว และถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่มีเต็นท์เบียร์หรือเครื่องเล่นมากมายอย่างปัจจุบัน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาล

โดย ในปี ค.ศ. 1824 เมืองมิวนิกได้มอบรางวัลเหรียญทองให้กับ Andreas Michael Dall’Armi เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อกำเนิด Oktoberfest ต่อมาเมื่อ Andreas Michael Dall’Armi ได้จากโลกนี้ไป เขาถูกฝังไว้ที่สุสาน Alter Südfriedhof และถนนแห่งหนึ่งในย่าน Neuhausen-Nymphenburg ซึ่งต่อมาได้รับการตั้งชื่อตามชื่อของเขาอีกด้วย

หนึ่งปีหลังจากการเฉลิมฉลองงานแต่งงานของเจ้าชาย ชาวเมืองต่างเห็นพ้องต้องกันว่าต้องการให้งานนี้ดำเนินต่อไปแม้จะไม่ได้มีพิธีเสกสมรสก็ตาม และในที่สุด ‘Landwirtschaftlicher Verein in Bayern’ หรือสมาคมเกษตรกรรมแห่งบาวาเรียก็ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพผู้จัดงานเทศกาลนี้ โดยพวกเขาได้ใช้เทศกาลเป็นที่โปรโมทสินค้าของสมาคม

ในปี 1813 เทศกาล Oktoberfest ที่เพิ่งจัดขึ้นได้ 13 ปี ต้องถูกยกเลิกเป็นครั้งแรกเนื่องจากสงครามนโปเลียน แต่หลังสงคราม Oktoberfest ได้กลับมาจัดอีกครั้ง โดยมีกลุ่มคนเก่าแก่ในเมืองเป็นผู้สนับสนุน ทำให้เทศกาลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 1819 เรียกได้ว่า ดังเป็นพลุแตกในปี 1819

ต่อมาในปี ค.ศ. 1850 ได้มีการเปิดตัวรูปปั้นบาวาเรีย ซึ่งเป็นดังผู้พิทักษ์รักษาและปกป้องคุ้มครองเทศกาล Oktoberfest โดยได้ประดิษฐานไว้ในหอเกียรติยศซึ่งใช้เป็นที่จัดการแสดงต่างๆ ของเทศกาลในปัจจุบัน นับจากนั้นประวัติศาสตร์ของบาวาเรียได้ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของสงครามและโรคระบาด เช่น อหิวาตกโรค ทำให้จิตวิญญาณแห่งเทศกาลได้ลดน้อยถอยลงไป เป็นเวลาอีกสองสามทศวรรษก่อนที่ Oktoberfest จะก้าวมาเป็นเทศกาลที่มีสีสันและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในปี 1910 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของเทศกาล Oktoberfest ได้มีการเสริฟเบียร์ 12,000 เฮกโตลิตรที่ Pschorr-Bräurosl ซึ่งเป็นเต็นท์สำหรับเทศกาลขนาดใหญ่ที่จุคนได้มากถึง 12,000 คน

ความสนุกอยู่ที่ตอนเริ่มงาน ‘O’ Zapft is’ = Let’s the party begins

ozapftis

ในส่วนของการเริ่มต้นงานหรือพิธีการในการเปิดงานเทศกาล Oktoberfest ที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1950 โดยนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก Thomas Wimmer ได้ทำพิธีเปิดเทศกาลนี้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องหยุดไปเนื่องจากภาวะสงคราม โดยการใช้ค้อนไม้ขนาดใหญ่เคาะก๊อกเข้าไปที่ถังเบียร์ถังแรกในเต็นท์ Schottenhamel

เมื่อก๊อกสามารถแทรกตัวฝังเข้าไปในถังเบียร์ได้ จะมีการตะโกนว่า  “O’ Zapft is” ซึ่งเป็นภาษาบาวาเรียมาจากคำเต็มว่า “Es ist angezapft” โดยมีความหมายตามตัวอักษรคือ “มันได้รับการเคาะแล้ว” หากความหมายที่แท้จริงที่ใช้ในงานเทศกาล Oktoberfest คือ “ได้เวลาปาร์ตี้แล้ว!” ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของเทศกาลพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา

ซึ่งโดยประเพณีแล้วนายกเทศมนตรีจะมอบเบียร์แก้วแรกที่ไขจากก๊อกที่ถูกทุบเข้าไปในถังเบียร์ ให้กับรัฐมนตรี-ประธานาธิบดีแห่งบาวาเรีย (Ministers-President of Bavaria) จากนั้นดอกไม้ไฟก็ถูกจุด และผู้ร่วมงานก็จะยกแก้วขึ้นชนกันแล้วพูดว่า “Auf ‘ne friedliche Wiesn”  ซึ่งหมายถึง ‘แด่เทศกาล Oktoberfest ที่สงบสุข’ นั่นเอง

ในปัจจุบันนี้ Oktoberfest เป็นเทศกาลพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีผู้เข้าชมประมาณหกล้านคนต่อปี ในแต่ละปี ยังคงมีการทำลายสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปริมาณเบียร์ที่บริโภคไปจนถึงจำนวนไก่ที่ขายได้ในงาน

ในปี ค.ศ. 2005 ได้มีการปรับรูปแบบให้เป็น ‘เทศกาล Oktoberfest อันเงียบสงบ’ (‘a quiet Oktoberfest’) เพื่อทำให้เทศกาลนี้มีความเหมาะสมและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกทั้งครอบครัว โดยให้สามารถเปิดเพลงปาร์ตี้ได้เฉพาะหลังเวลา 18.00 น. เท่านั้น ส่วนช่วงก่อนหน้า 18.00 น ให้เล่นได้เฉพาะเพลงจากวงดนตรีบาวาเรียที่มีลักษณ์เป็นวงเครื่องเป่าทองเหลืองเท่านั้น

5 สิ่งที่จะได้สัมผัสเมื่อเดินทางไปร่วมงาน Oktoberfest

1.) ขบวนพาเหรดของแลนด์ลอร์ดและโรงเบียร์

ขบวนพาเหรดประกอบด้วยผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 ประกอบด้วยแลนด์ลอร์ดและโรงเบียร์ใน Wiesn โดยจะเริ่มเดินจาก Theresienwiese นำโดย กลุ่มเยาวชนของมิวนิก (Münchner Kindl) มาสคอตประจำเมืองและขบวนรถม้าของนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก ตามด้วยรถม้าที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ของแลนด์ลอร์ด วงดนตรี และรถลากของโรงเบียร์ในมิวนิกที่ประดับประดาอย่างสวยงาม

2.) Tapping Ceremony ประเพณีการเคาะถังเบียร์

ตามประเพณีที่มีมายาวนาน ถังเบียร์ถังแรกจะถูกเคาะที่เต็นท์ของ Schottenhamel เสมอ โดย นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิกจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการเคาะก๊อกโดยฆ้อนไม้ขนาดใหญ่เข้าไปในถังเบียร์โดยทุบให้ได้น้อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้

สถิติปัจจุบันสำหรับพิธีเคาะก๊อกที่ดีที่สุดคือ สองครั้ง โดยอดีตนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิก Christian Ude และ Dieter Reiter สำหรับสถิติสูงสุดเป็นของ Mayor Thomas Wimmer ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีที่เป็นผู้ริเริ่มพิธีการนี้เป็นคนแรกในปี 1950 เคาะไปทั้งสิ้น 17 ครั้ง ภายหลังพิธีเคาะถังเบียร์ จะมีการจุดพลุ และเบียร์ก็จะเริ่มถูกรินแจกจ่ายไปให้ผู้เข้าร่วมงานในแต่ละเต็นท์

3.) การแสดงสดคอนเสริตแตรวงโยธวาทิต

นักดนตรีประมาณ 300 คนแต่งชุดประจำชาติในแบบบาวาเรียเต็มยศ มาร่วมแสดงการสดที่บริเวณรูปปั้นบาวาเรีย โดยมีนายกเทศมนตรีเป็นวาทยากรของวงที่คัดเลือกเล่นบทเพลงบาวาเรียที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญจากคณะนาฏศิลป์ Schuhplattler เป็นต้น และมีการปล่อยลูกโป่งหลากสีสันจำนวนนับพันลูกขึ้นสู่ท้องฟ้าต่อหน้ารูปปั้นบาวาเรีย ในขณะที่ผู้ชมร่วมกันร้องเพลงประจำชาติของบาวาเรียจนสุดเสียง

4). เต็นท์เบียร์

เต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ภายในงานมีหลากหลายรูปแบบต่างกันไปตามการตกแต่ง ซึ่งแต่ละเต็นท์จะมีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง จากแบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบนานาชาติให้ผู้ร่วมงานเลือกได้ตามอัธยาศัย เต็นท์ที่มักเป็นที่นิยม ได้แก่

  • Augustiner Festhalle เป็นเต็นท์ที่เหมาะสำหรับผู้ร่วมงานที่มาเป็นครอบครัวภายใต้บรรยากาศเก่าแก่ดั้งเดิม และบริกรที่เอาใจใส่เป็นพิเศษ เบียร์ Augustiner มาจากโรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในมิวนิกซึ่งก่อตั้งโดยพระออกัสติเนียนในปี 1328 โรงเบียร์แห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีเบียร์ไลท์ (Helles) ที่มีรสชาติดีที่สุดในมิวนิก เป็นที่นิยมมาก เพราะถูกบรรจุในถังไม้แบบดั้งเดิมที่มีความจุ 200 ลิตร ซึ่งจะทำให้มีรสชาติกลมกล่อมกว่าเบียร์ที่บรรจุอยู่ในภาชนะที่เป็นโลหะ
  • Festzelt Tradition หรือ The “Oide Wiesn” เป็นเต๊นท์ที่เน้นวัฒนธรรมประเพณี แม้จะมีสีสันน้อยกว่าเต็นท์อื่น แต่ที่นี่มีบรรยากาศสบาย ๆ และเป็นกันเองราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน จุดเด่นของเต็นท์ คือ ฟลอร์เต้นรำที่ยกสูงตั้งอยู่กลางเต็นท์ โดยจะมีกลุ่มนักเต้นพื้นเมืองเต้นรำไปพร้อมกับการบรรเลงเพลงจากวงเครื่องเป่า และจะมีเด็ก ๆ เป็นแขกพิเศษขึ้นไปเต้นรำด้วยอย่างสนุกสนาน ไฮไลท์ของการแสดง คือ วง Schuhplattler และนักหวดแส้ ที่นำศิลปะการหวดแส้มาผสมผสานเข้ากับการแสดงได้เป็นอย่างดี สุดเด่นอีกอย่าง คือ เบียร์ Augustiner จะถูกเสริฟโดยเหยือกหินสีเทาอ่อนที่ตกแต่งเป็นลวดลายต่างๆ สีน้ำเงิน แตกต่างจากภาชนะที่เต็นท์อื่นๆใช้ เพื่อคงความดั้งเดิมไว้ และยังมีน้ำ apple spritzer ที่แสนอร่อยไว้เสริฟเด็กๆ เวลาที่เต้นกันจนเหนื่อยอีกด้วย
  • Fischer–Vroni  จุดเด่นของเต็นท์นี้คือ Fish on Stick แบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านรสชาติความอร่อยของปลารมควันที่เรียกว่า Steckerlfisch ลักษณะ คล้ายปลาเสียบไม้ โดยจะใช้ปลาหลักๆ สองประเภท คือ ปลาแมคเคอเรล และปลาเทราท์ภูเขา ปลาจะถูกจัดเตรียมบนเตาย่างแบบเปิดที่มีความยาวรวมประมาณ 15 เมตร ให้ผู้มาเยือนได้เห็นวิธีทำกันสดๆ  และยังเสริฟเบียร์ Augustiner จากถังไม้ด้วย เต็นท์นี้ยังได้รับความนิยมให้เป็นที่นัดพบของชาวบาวาเรีย LGBTQ จนเป็นประเพณีเนื่องจากในอดีตเจ้าของบาร์ Prosecco ซึ่งเป็นเกย์ผู้ล่วงลับไปแล้วมักจะจองโต๊ะไว้จำนวนมากสำหรับแขกของเขาทุกปี
  • Hacker–Festzelt เต็นท์นี้ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรงดงามราวกับ “สวรรค์แห่งบาวาเรีย” Hacker-Festzelt มักจะเป็นหนึ่งในเต็นท์ที่เต็มก่อนใครเพราะความสวยงามอย่างน่าตื่นตาตื่นใจภายในมีคานไม้ขนาดใหญ่ของโครงสร้างหลังคาใน Hacker Festzelt ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีฟ้าอ่อนโปร่งแสงจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ใต้ท้องฟ้าสีครามสลับกับปุยเมฆสีขาวซึ่งไม่เหมือนที่เต็นท์อื่น ที่พิเศษสุดคือในวันอาทิตย์สุดท้ายของงานเต็นท์จะถูกประดับประดาไปด้วยดวงไฟที่เปล่งประกายระยิบระยับ โดยผู้ร่วมเต็นท์จะถือดอกไม้ไฟเย็นเป็นการสั่งลาก่อนจะกลับมาพบกันใหม่ในปีหน้า

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเต็นท์เบียร์ภายในงานซึ่งมีกว่า 30 หลัง ในจำนวนนี้มีอยู่ 15 หลัง ที่เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่า 3,000-10,000 คน สิ่งสำคัญคือสำหรับเต็นท์ที่ได้รับความนิยมสูง ควรจองโต๊ะล่วงหน้า 6-12 เดือน ดังนั้นจึงควรศึกษาหาข้อมูลของเต็นท์ที่ตรงกับความชอบและรสนิยม

5.) Carnival Games Area

carnival games area

บริเวณทางฝั่งตะวันออกและทางใต้สุดของพื้นที่งานจะเต็มไปด้วยเครื่องเล่นขนาดใหญ่ราว 130 เครื่องเล่น  บูธเกมส์ ชิงช้าสวรรค์ การแสดงรื่นเริง แผงขายอาหารเครื่องดื่ม และเครื่องเล่นที่โด่งดังคือ Teufelsrad (Devil’s Wheel) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1908 ลักษณะเป้นเครื่องเล่นที่ผู้เข้าร่วมนั่งตรงกลางวงล้อหมุนเพื่อแข่งกันให้อยู่บนนั้นได้เป็นคนสุดท้ายในขณะที่ล้อหมุนเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องและคนเล่นที่จะถูกแรงเหวี่ยงหลุดออกไปจากวงล้อทีละคน

เครื่องเล่นที่มักได้รับความนิยมที่สุด คือ รถไฟเหาะขนาดใหญ่ ที่ทำเป็นรูป 5 ห่วงขนาดใหญ่เพื่อจำลองสัญลักษณ์ Olympic Rings ในขณะที่เมืองมิวนิกจัดการแข่งขันโอลิมปิคในปี 1972 นั่นเอง

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.patourlogy.com

https://th.wikipedia.org

https://www.bbc.com

ประวัติ Leffe Beer

ประวัติ Leffe Beer

ประวัติเบียร์ Leffe BeerLeffe  เครื่องดื่มที่ได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องว่าเป็นเบียร์เบลเยี่ยมที่ขายดีที่สุด และนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รสชาติของเบียร์นั้นช่างน่าอัศจรรย์และจะเป็นที่จดจำตลอดไปโดยผู้ที่ได้ลองดื่มอย่างน้อยหนึ่งครั้งประวัติเบียร์ Leffe Beerอาราม Leffe...

Franziskaner Alkoholfrei

Franziskaner Alkoholfrei

Franziskaner Alkoholfreiอุดมไปด้วยวิตามินและไอโซโทนิค Franziskaner Non-Alcoholic เป็นเครื่องดับกระหายที่เหมาะสำหรับทุกโอกาส และมีวิตามินบี 12 และกรดโฟลิกในแง่ของแคลลอรี่ Franziskaner ปราศจากแอลกอฮอล์ของเรามีปริมาณน้อยนิดอย่างแท้จริง ให้พลังงาน 21 กิโลแคลอรีต่อ 100 มล....

Franziskaner Kellerbier

Franziskaner Kellerbier

Franziskaner Kellerbierตามกฎความบริสุทธิ์ของบาวาเรียและด้วยฮ็อปที่คัดสรรจาก Hallertau ผู้ผลิตเบียร์หลักได้ฟื้นฟูกระบวนการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิม: Franziskaner Kellerbier เป็นเบียร์แบบดั้งเดิมที่ส่งตรงจากห้องใต้ดินซึ่งบรรจุขวดโดยไม่ผ่านการกรอง...

Franziskaner Helles

Franziskaner Helles

Franziskaner HellesFranziskaner เป็นตัวแทนของศิลปะการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิมของมิวนิกและสำหรับผลงานอันหลากหลายที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราได้คิดบางสิ่งที่พิเศษสำหรับปี 2019 นั่นคือ Franziskaner...

Franziskaner Natur Russ

Franziskaner Natur Russ

Franziskaner Natur Russจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวีทเบียร์มาเจอกับมะนาว? Franziskaner Natur Russ มีรสชาติที่สดชื่นและรู้สึกซ่าเป็นพิเศษ การผสมผสานระหว่างวีทเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์และน้ำมะนาวช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสดชื่นเป็นพิเศษและความกลมกลืนที่สมดุลของความเป็นกรดอ่อนๆ...

Franziskaner Hefe-Weissbier Leicht

Franziskaner Hefe-Weissbier Leicht

Franziskaner Hefe-Weissbier LeichtFranziskaner Hefe-Weissbier Leicht มีแคลอรีและแอลกอฮอล์ต่ำ ดังนั้นจึงเป็นที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบเบียร์ที่ดืมได้เรื่อยๆ และ ใส่ใจในการควบคุมอาหารด้วยโฟมสีขาวเข้มข้น แสงจากยีสต์จึงมีสีเหลืองเข้มและมีสีเหลือบที่สวยงาม...

Franziskaner Weissbier Kristallklar

Franziskaner Weissbier Kristallklar

Franziskaner Weissbier KristallklarFranziskaner Weissbier Kristallklar เบียร์ข้าวสาลีสูตรพิเศษที่หมักด้านบนด้วยมงกุฎโฟมสีขาวราวกับหิมะสร้างความประทับใจด้วยบอดี้สีเหลืองอ่อนใสดุจคริสตัล...

Franziskaner Royal

Franziskaner Royal

Franziskaner Royalผู้ผลิตเบียร์หลักได้คิดค้นสูตรเบียร์ข้าวสาลีที่ไม่เหมือนใครจากส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับ Franziskaner Royal กลิ่นหอมที่หาที่เปรียบไม่ได้มาจากกล้วยสุก แตงโมหวาน แอปริคอต เบอร์รี่สีเข้ม...

Franziskaner Hefe-Weissbier Dunkel

Franziskaner Hefe-Weissbier Dunkel

Franziskaner Hefe-Weissbier DunkelFranziskaner Hefe-Weissbier Dunkel มีโฟมเบียร์สีครีมและสร้างความประทับใจด้วยสีเหลืองอำพัน พร้อมยีสต์ที่เข้มข้น ลักษณะยั่วยวนจากบาวาเรีย มีกลิ่นของมอลต์อย่างกลมกลืน พร้อมกลิ่นหอมของขนมปังสด ถั่วและคาราเมล...

Franziskaner Hefe-Weissbier Naturtrüb

Franziskaner Hefe-Weissbier Naturtrüb

Franziskaner Hefe-Weissbier NaturtrübFranziskaner Hefe-Weissbier Naturtrüb เป็นตัวชูโรงเบียร์ข้าวสาลีจากธรรมชาติและสง่างามจากบาวาเรียพร้อมฟองสีขาวชอุ่ม เบียร์ข้าวสาลีสีทองทองแดงที่มีสีสวย, กลิ่นที่หอมกรุ่นด้วยผลไม้ที่กลมกลืนกันซึ่งมีกล้วยและผลไม้รสเปรี้ยวเป็นรสสัมผัส...

No Results Found

The page you requested could not be found. Try refining your search, or use the navigation above to locate the post.